Supply Chain
จะดีมั้ย ถ้าเราเอาค่าการตลาด 60% ที่ต้องจ่ายให้คนกลาง มาแบ่งกัน
โดยปกติสินค้าที่เราบริโภคกันอยู่ ไม่ว่าจะกินจะใช้ นั้นมักมีคนทำกำไรระหว่างทาง จากโรงงาน จนมาถึงมือของพวกเรา จากโรงงาน ผ่านเข้าเจ้าของแบรนด์ เพื่อติดเครื่องหมายการค้า ส่งต่อไปยังร้านค้าส่ง หรือห้างค้าส่งต่างๆ ตามด้วยร้านค้าปลีก หรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเรา และตลอดขั้นตอน ต้องอาศัยระบบขนส่งต่างๆ ซึ่งถูกนับเป็นต้นทุนด้วย ดังตัวอย่าง ปากกา ที่เราซื้อกันด้ามละ 7 บาท อาจจะมีต้นทุนเพียงบาทเดียว ที่หน้าโรงงาน และตลอดเส้นทางจนมาถึงมือเรา มูลค่าสินค้าเพิ่มขึ้นโดยน้ำหมึกก็มีเท่าเดิม หรือลดลงด้วยซ้ำ
CORE PLAN
โครงสร้างรายได้ในธุรกิจแบบคร่าวๆ
Step 1
ใช้สินค้า แล้วแนะนำ เพื่อนๆ อีกกลุ่มละ 10 คน พร้อมสอนให้เพื่อนอีก 3 คนทำตามแบบเดียวกัน
4 กลุ่ม x 10 คน รวมเป็น 40 คน
แต่ละคนใช้สินค้าเดือนละ 4,000 บ.
ทำให้มียอดการค้า 160,000 บ.
ได้รับส่วนลด 12% คิดเป็น 19,200 บ.
แบ่งจ่ายให้ A,B, และ C กลุ่มละ 2,400 บ.
เหลือส่วนต่างคิดเป็น 12,000 บาท
Step 2
สอนให้เพื่อนๆ ทั้ง 3 คน (A,B,C) ทำตามแบบเราใน Step 1
13 กลุ่ม x 10 คน รวมเป็น 130 คน
แต่ละคนใช้สินค้าเท่าเดิม 4,000 บ.
ยอดการค้า 4,000 x 130 = 520,000 บ.
ได้รับส่วนลด 21% คิดเป็น 109,200 บ.
แบ่งจ่ายให้ A,B,C เป็นเงิน 57,600 บ.
เหลือส่วนต่างคิดเป็น 51,600 บาท
Step 3
สนับสนุนให้เพื่อนคุณทำตาม จนเป็น 21% เหมือนเราในคราวก่อน และ เริ่มรับรายได้เป็นค่าลิขสิทธิ์
เมื่อเราช่วยให้เพื่อนๆ เติบโตในธุรกิจ รายได้ในส่วนของส่วนต่างที่เราเคยได้รับ อาจจะหายไป ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้ช่วยให้คนอื่นมีรายได้มากขึ้นแล้ว บริษัทจะคำนวณ รายได้เพิ่มเติมให้คุณ ในรูปแบบของค่าลิขสิทธิ์ สายงานละประมาณ 30,000 บ.